หน้าแรก » พืชและสมุนไพร

พืชและสมุนไพร

วิธีทำปุ๋ยหมัก ปุ๋ยชีวภาพ เพื่อประโยชน์สูงสุดตามวิถีเกษตรอินทรีย์

ปัจจุบัน ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยชีวภาพ ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะได้รับการยอมรับว่าสามารถช่วยให้ผลผลิตดีขึ้น และไม่เป็นอันตรายเหมือนกับปุ๋ยเคมี อีกทั้งยังสามารถทำได้เองอีกต่างหาก ปุ๋ยชีวภาพสามารถแบ่งออกได้เป็นสองประเภทคือ ปุ๋ยน้ำที่เกิดจากขยะเปียกต่างๆ เช่น เศษอาหาร เศษผัก เศษผลไม้ พืชสมุนไพร ปุ๋ยที่เกิดจากการผลิตจากสัตว์ เช่นปลา หรือหอยเชอรี่ สำหรับวิธีการทำปุ๋ยชีวภาพนั้น สามารถทำได้ดังต่อไปนี้ 1. ปุ๋ยที่เกิดจากพืชหรือขยะเปียก ขั้นแรกให้เราหาวัสดุต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้ดังนี้ เศษวัสดุเหลือใช้ เช่นเศษพืช เศษผัก/ผลไม้ หรือเศษอาหาร จำนวนประมาณครึ่งถัง กากน้ำตาลประมาณ 1 ลิตร น้ำที่เกิดจากการหมักจุลินทรีย์จำนวน 1 ลิตร น้ำสะอาดประมาณครึ่งถัง เมื่ออุปกรณ์ต่างๆ ครบ ให้เราเริ่มนำ น้ำสะอาดเติมลงในถัง และเติมส่วนผสมอื่นๆ เช่นหัวเชื้อจุลินทรีย์หรือน้ำหมักจุลินทรีย์ พร้อมกับกากน้ำตาลลงไปผสมให้เข้ากัน ข้อแนะนำก็คือไม่ควรเติมกากน้ำตาลมากจนเกินไปเพราะจะส่งผลให้เกิดกลิ่นที่รุนแรงตามมาได้ จากนั้นเมื่อทุกอย่างเข้ากันดีแล้วให้เทส่วนผสมที่ออกมาลงในถุงปุ๋ยแล้วนำไปเก็บไว้ในที่ร่มประมาณ 7 วัน ก็จะได้ปุ๋ยชีวิภาพสูตรพืชตามที่ต้องการ 2. ปุ๋ยที่เกิดจากสัตว์ ขั้นแรกเราต้องเตรียมวัสดุดังต่อไปนี้ ปลา หรือหอยเชอรี่ที่ต้องการนำมาทำปุ๋ยประมาณ ครึ่งถัง กากน้ำตาลประมาณ 1 ลิตร น้ำที่เกิดจากการหมักจุลินทรีย์สำหรับเป็นหัวเชื้อประมาณ 1 ลิตร น้ำสะอาดประมาณครึ่งถัง …

อ่านต่อ »

วิธีการแก้ไขปัญหาน้ำกระด้างถาวร น้ำกระด้างชั่วคราว แบบได้ผลจริง

น้ำกระด้าง หมายถึง น้ำที่มีหินปูนเจือปนอยู่ในน้ำ ซึ่งทำให้คุณสมบัติของนั้นเป็นด่าง ซึ่งไม่สามารถนำมาใช้งานได้ดีเท่าที่ควร ยกตัวอย่างเช่น เมื่อนำน้ำชนิดนี้ไปหุงข้าว จะทำให้ข้าวออกมาสีเหลืองไม่น่ารับประทาน และเมื่อนำไปใช้ซักผ้า ความเป็นด่างของมันจะเป็นตัวทำให้ผงซักผ้าไม่เกิดฟอง แม้แต่การนำไปใช้ในการเกษตร น้ำกระด้างนั้นไม่เหมาะสำหรับพืชหลายชนิด รวมไปถึงการเลี้ยงสัตว์หลายชนิดเช่นกัน ดังนั้นจึงนับได้ว่า น้ำกระด้างไม่เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวันสักเท่าไหร่นัก แต่หลายๆ คนก็มักจะถามเข้ามาอยู่บ่อยๆ ถึงวิธีการแก้ไขน้ำกระด้างที่สามารถใช้งานได้ เพราะในบางพื้นที่น้ำที่นำมาใช้งานมักจะมาส่วนของน้ำกระด้างเจือปนอยู่นั่นเอง วันนี้เราจึงอยากจะแนะนำวิธีการทำให้น้ำกระด้างนั้นอ่อนลงและพอที่จะใช้งานได้มาฝากกันครับ โดยสามารถแบ่งออกเป็นสองกลุ่มใหญ่ๆ ดังนี้ 1. น้ำกระด้างชั่วคราว (น้ำที่สามารถกำจัดความกระด้างให้หายไปด้วยการต้ม พบได้ในแม่น้ำลำคลอง) นำไปต้ม เพราะ น้ำกระด้างชั่วคราวนี้จะสามารถกำจัดความกระด้างออกไปด้วยการต้ม ซึ่งความร้อนจะทำให้ไบคาร์บอเนตของแคลเซียมและแม็กนีเซียม ซึ่งเกาะตัวรวมกับโมเลกุลของน้ำระเหยไป และทำให้เกิดตะกอน สามารถแก้ไขได้ด้วยการกรอง การเติมปูนขาว 2. น้ำกระด้างถาวร (ไม่สามารถจัดได้ด้วยการต้ม เพราะ มีสารจำพวกแคลเซียมคลอไรด์ แคลเซียมซัลเฟต แม็กนีเซียมคลอไรด์ และแม็กนีเซียมซัลเฟตเจือปนอยู่) สามารถแก้ไขได้ โดยวิธีการกลั่น โดยจะเป็นการเปลี่ยนสถานะของน้ำจากของเหลวกลายเป็นไอ ก่อนจะกลับมาเป็นของเหลวอีกทีหนึ่ง ซึ่งเมื่อน้ำกลายเป็นไอนั้น ตัวสารที่เจือปนอยู่ในน้ำจะตกผลึกออกมาเพราะเป็นสารที่มีน้ำหนัก ในการแก้ไขจริงๆ แล้วมักจะใช้เครื่องกรองเรซิ่น ซึ่งเม็ดเรซิ่นในเครื่องกรองจะดักจับหินปูนภายในน้ำแล้วกรองออก และจากนั้นให้นำเอาตัวกรองออกมาล้างโดยใช้น้ำเกลือ เพื่อให้น้ำเกลือนั้นไปจับผลึกหินปูนออกมาจากเรซิ่นนั่นเองครับ ใช้โซดาแอช ซึ่งเจ้าโซดาแอชนี้จะไปทำปฏิกิริยากับสารแคลเซียมคลอไรด์ แคลเซียมซัลเฟต แม็กนีเซียมคลอไรด์ และแม็กนีเซียมซัลเฟต ที่อยู่ภายในน้ำกระด้าง และทำให้เกิดการตกตะกอนละเอียด …

อ่านต่อ »

การตอบสนองต่อสิ่งเร้าของต้นไมยราบ และสรรพคุณทางยาสมุนไพร

ต้นไมยราบนั้นเป็นพืชประเภทล้มลุก หรือจะเรียกว่าเครือเถาก็ได้ไม่ผิดนัก เพราะต้นของมันมักจะเลื้อยไปตามพื้นดิน ไม่สูงนัก โดยมากมักมีความสูงไม่เกิน 1 เมตร ลำต้นนั้นออกสีน้ำตาลแดงและมีหนามขนาดเล็ก มีขนปกคลุมทั่วลำต้น ขายพันธุ์ด้วยการเพราะเมล็ด ด้านใบของมันนั้นมีลักษณะคล้ายขนนก ซึ่งมีสองชั้นคือ ใบหลักและใบย่อยเป็นคู่ตรงข้ามกัน ไมยราบนั้นเป็นพืชที่ไม่ได้มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทยนะครับ แต่เป็นพืชที่ถูกนำมาจากอเมริกาใต้ เพื่อใช้ประโยชน์ในการปลูกคลุมหน้าดิน โดยกรมทางหลวง สำหรับการตอบสนองของต้นไมยราบนั้น เกิดจากการหุบใบทั้งสองด้านเข้าหากันเพื่อป้องกันการถูกทำร้ายหรือรบกวน โดยหลักของการหุบใบนี้ ไม่ได้เป็นเพราะ มันมีเส้นประสาทหรือสัมผัสพิเศษอย่างที่เข้าใจนะครับ แต่เป็นกระบวนการของการสูญเสียน้ำภายในกลุ่มเซลล์บริเวณก้านใบอย่างฉับพลับ ทำให้เกิดการหุบของใบเข้าหากันอย่างรวดเร็ว ซึ่งเมื่อผ่านไประยะเวลาหนึ่ง น้ำในเซลล์นั้นซึมกลับมายังก้านใบตามเดิม และใบที่หุบเข้าหากันก็จะกางออก ซึ่งกระบวนการนี้แท้ที่จริงแล้วสามารถพบได้ในพืชอีกหลากหลายชนิด แต่เป็นการค่อยๆ หุบเสียมากกว่า เช่น ดอกบัวนั้นบานในเวลากลางวัน แต่จะหุบกลีบเข้าหากันในเวลากลางคืน หรือต้นกระบองเพชร จะบานในเวลากลางคืนและหุบในเวลากลางวัน เป็นต้น สำหรับเกร็ดเล็กๆ ของไมยราบนี้มีมากมายครับ เพราะตลอดทั้งต้นของมันนั้นสามารถใช้เป็นยาได้ มีสรรพคุณในด้านต่างๆ ดังนี้ 1. ต้นแห้งของไมยราบสามารถนำมา ต้มกินกับน้ำ จะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวจากอาการอ่อนเพลียที่เกิดขึ้นได้ 2. สามารถนำไปเป็นยารักษาโรคเบาหวาน เพราะ ไมยราบนั้นมีสารที่ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ โดยสามารถออกฤทธิ์ได้นานต่อเนื่องกันถึง 5 ชั่วโมงเลยทีเดียว นอกจากนั้นทุกส่วนของต้นสามารถนำไปชงดื่มแทนชาได้ (ต้องหั่นและนำไปคั่วก่อน) จะสามารถลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดได้ 3. นำส่วนของต้นมาสับและต้มกับน้ำกิน สามารถแก้ไขอาการผอมแห้ง แรงน้อย รวมไปถึงอาการปวดเมื่อยตามเนื้อตัว …

อ่านต่อ »

สาเหตุของการเกิดดินเค็ม มีวิธีแก้ปัญหาดินเค็มอย่างไรบ้าง

หากคุณมีหน้าที่ในการทำงานเกี่ยวกับด้านการเกษตร อาจจะต้องเจอกับภาวะที่เกี่ยวกับดิน ซึ่งอาจจะทำให้การเกษตรของคุณไม่ราบรื่นมากนัก อย่างเช่นการเจอสภาพของดินเค็ม ดินเค็มหรือ Saline Soil เกิดจากดินที่มีปริมาณของเกลือที่ทำละลายอยู่ในสารละลายดินมากจนเกินไป จะทำให้พืชที่ปลูกอยู่ในดินเค็มเจอกับภาวะการขาดน้ำ และมีการสะสมอิออนที่ทำให้พืชเป็นพิษมากขึ้น ทำให้ผลผลิตทางการเกษตรของคุณตายเร็วขึ้น บางครั้งดินเค็มก็เกิดขึ้นได้ตามสภาพพื้นที่ตามภาคต่างๆของประเทศไทย โดยเฉพาะทางแถบที่มีพื้นที่ติดกับปากอ่าวที่เป็นน้ำเค็ม ก็มีสิทธิ์ที่จะต้องเจอกับสภาพของดินเค็มได้ แต่หากเป็นภาคกลาง เรามีโอกาสจะเจอกับดินเค็มที่มีผลกระทบมาจากพื้นที่ที่เป็นน้ำกร่อย ด้วยน้ำกร่อยที่ไหลไปใต้ดิน เมื่อน้ำใต้ดินไหลผ่านแหล่งเกลือและเข้าไปยังจุดที่เป็นดินปกติ ทำให้ดินโซนนั้นกลายเป็นดินเค็มได้ ส่วนสาเหตุการแพร่กระจายของดินเค็ม เนื่องจากว่า เกลือนั้นเป็นสารที่ทำละลายได้ดี ดังนั้นเมื่อเกลือโดนน้ำที่เป็นตัวนำสำคัญไปยังจุดต่างๆในพื้นที่ที่น้ำสามารถไหลเซาะเข้าไปทางใต้ดินได้เรื่อยๆ นั่นก็เลยกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้ดินกลายเป็นดินเค็ม อีกทั้งยังแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วอีกด้วยครับ และยังมีสาเหตุอีกอย่างก็คือการผุกร่อนของหินที่มีการอมเกลืออยู่ เมื่อมันสลายตัว เกลือก็จะไปผสมปนอยู่กับน้ำที่ไหลผ่าน โดยอาจจะซึมลงไปใต้ดิน และระเหยขึ้นไปยังชั้นบนของหน้าดินได้ด้วยกระบวนการทางแสงอาทิตย์ ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดดินเค็มได้ และอีกแบบหนึ่งก็คือเกิดจากการกระทำของมนุษย์ที่มีการริเริ่มการทำนาเกลือขึ้นมา นี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดดินเค็มอีกเช่นกัน ต่อไปเราจะมาดูแนวทางการป้องกันปัญหาของดินเค็มกันว่ามีกระบวนการทำงานที่สามารถป้องกันได้โดยวิธีใดบ้าง หากเป็นในด้านทางวิศวกรรม เราสามารถที่จะออกแบบแนวทางการป้องกันการไหลของน้ำใต้ดินให้เป็นไปในทางธรรมชาติ เพื่อให้เกิดความสมดุลของธรรมชาติกับน้ำใต้ดินให้มากที่สุด เพื่อที่น้ำใต้ดินจะได้ไม่ไหลนำพาเกลือไปยังดินจุดต่างๆ ได้ แต่หากเป็นในทางชีววิทยา เราสามารถทำการสร้างพื้นที่รับน้ำที่เป็นการปลูกไม้ยืนต้นที่มีรากลึกลงไป และมีอัตราการโตที่เร็วกว่าต้นไม้ทั่วไป เพื่อให้เกิดความสมดุลในการใช้น้ำและน้ำใต้ดิน สามารถช่วยลดการเกิดของดินเค็มได้ เพราะมีจุดนี้คอยดูดซับอยู่แทนนั่นเอง

อ่านต่อ »
มะนาวมีสรรพคุณและประโยชน์ต่อสุขภาพในชีวิตประจำวันอย่างไร

มะนาวมีสรรพคุณและประโยชน์ต่อสุขภาพในชีวิตประจำวันอย่างไร

มะนาว (ภาษาอังกฤษ: Lime ชื่อวิทยาศาสตร์ Citrus aurantifolia) มะนาวเป็นผลไม้ ที่นำมาปรุงอาหาร ได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ส้มตำ แกงส้มต่างๆ  ทำให้มีรสชาติอร่อยยิ่งขึ้น นอกจากนี้มะนาว ยังมีประโยชน์และสรรพคุณมากมาย หลายประการ ไม่ว่าจะเป็นใช้ในการรักษาโรคต่าง เช่น รักษาโรคมะเร็ง  สำหรับคนที่ต้องการเลิกสูบหรี่มะนาวก็สามารถยังยั้งอาการอยากสูบบุหรี่ได้  คนที่รักสวยรักงามก็อีกเช่นกัน  มะนาวก็เป็นอีกสมุนไพรหนึ่งที่ทำให้ผิวของท่านสวยสดงดงามแต่งตึงได้ วันผมมี ความรู้เกี่ยวกับมะนาว ว่ามีประโยชน์ และสรรพคุณต่อร่างกายอย่างไรบ้าง  ลองมาดูกันเลยครับ มะนาวมีประโยชน์อย่างไร มะนาวทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใส สำหรับท่านใดที่ที่รักสวยรักงาม อยากให้มีผิวพรรณสดใส สามารถใช้มะนาวมาทาที่ใบหน้า ในตอนเช้า และหลังอาบน้ำทุกๆ วัน จะทำให้ผิวหน้าท่านสดใสหน้าเด้งขึ้นมาทันที วิธีนี้ผมใช้เป็นประจำครับ มะนาวช่วยบำรุงตาให้สดใส การดื่มน้ำมะนาวบ่อยๆ เป็นประจำทุกวัน จะไปบำรุงสายตาให้สดใสดีขึ้นและตาจะสดใสอยู่เสมอ ในมะนาวนั้นจะมีวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ หลายชนิด ที่มีเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย อย่างวิตามินชี วิตามินเอ ฟอสฟอรัส  แคลเซียมต่าง ๆ กรดมาลิค กรดซิตริก เป็นต้น ในมะนาว 1 ผล จะมีน้ำมันหอมระเหย ที่มีอยู่มากถึง 7 % …

อ่านต่อ »