สุนัขหรือหมาเป็นทั้งเพื่อนและสัตว์เลี้ยงที่รู้ใจที่สุดสำหรับมนุษย์มาตั้งแต่โบราณ เพราะมนุษย์นิยมเลี้ยงสุนัขไว้ตามบ้านบ้างเพื่อใช้งาน และบ้างเลี้ยงไว้เป็นสัตว์เลี้ยงคลายเหงา ดังนั้นเมื่อเกิดความผิดปกติอะไรขึ้นกับมันเราจึงสามารถสังเกตเห็นได้ดีที่สุด อาการป่วยชนิดหนึ่งที่มักเกิดขึ้นกับสุนัข คืออาการท้องเสีย ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ ดังนั้นวันนี้เราจะมาพูดถึงวิธีการดูแลรักษาสุนัขที่มีอาการท้องเสียเบื้องต้นอย่างถูกวิธีกันค่ะ 1. หากมีอาการอาเจียนแค่ครั้งเดียว และมีอาการท้องเสียถ่ายเหลวเพียงเล็กน้อย แต่ยังสามารถกินอาหารได้และมีอาการร่าเริง ให้ลองสังเกตอาการโดยรวมทั่วไปดูก่อน เพราะหากมีอาการไม่หนักมาก สุนัขอาจจะหายจากอาการนี้ไปได้เอง แต่ต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิดไปสักประมาณ 2-3 วัน 2. ท้องเสียเพราะเปลี่ยนอาหาร หากเพิ่งเปลี่ยนชนิดของอาหารแล้วทำสุนัขเกิดอาการท้องเสีย ให้สงสัยไว้ก่อนว่าอาหารชนิดใหม่คือสาเหตุ อาจเพราะลำไส้ของสุนัขยังไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับอาหารชนิดใหม่ได้ ให้ลองเปลี่ยนไปเป็นอาหารชนิดเดิมดูก่อน ถ้ายังไม่หายต้องรีบนำไปพบสัตวแพทย์ เพื่อวินิจฉัยอาการและรักษากันอย่างถูกวิธีต่อไปค่ะ แต่ถ้าสุนัขท้องเสียเพราะไปคุ้ยกินเศษอาหารถามถังขยะ ให้จัดการเก็บถังขยะหรือปิดให้มิดชิด จากนั้นพาไปพบสัตวแพทย์ค่ะ 3. หากสุนัขมีอาการอาเจียนหลายรอบและมีอาการท้องเสีย อ่อนเพลีย ให้เจ้าของรีบพาไปพบสัตว์แพทย์ทันที เพราะอาการแบบนี้คือมักจะทำให้ร่างกายของสุนัขขาดน้ำ ร่างกายมีการสูญเสียเกลือแร่ แต่ถ้าหากยังไม่สามารถพาไปพบสัตวแพทย์ได้ทันที ให้เจ้าของสังเกตดูว่า หากมีอาการอาเจียนเพียงอย่างเดียวให้ลองงดน้ำหรืออาหารสัก 4-6 ชั่วโมงหรือ 24 ชั่วโมงเลยก็ได้ถ้าพบว่ามีอาการท้องเสียร่วมด้วย แต่ถ้ายังไม่ดีขึ้นให้รีบพาไปพบสัตว์แพทย์โดยด่วนค่ะ ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้เพราะร่างกายของสุนัขจะยิ่งอ่อนแอลงเรื่อยๆ และตายในที่สุดค่ะ 4. เมื่อลองงดน้ำหรืออาหารแล้ว สุนัขไม่มีอาการอาเจียนหรือถ่ายท้องอีก ให้ป้อนน้ำผสมผงเกลือแร่ (Oral rehydration salts หรือ ORS) โดยเริ่มจากปริมาณน้อยๆ ก่อน และป้อนต่อเนื่องเป็นเวลาประมาณ 20-30 นาที (ให้กินทีละนิด …
อ่านต่อ »เที่ยวเพลิน ระวังสิงโตเปิดประตูรถมาทักทาย
ใครจะไปคิดกันหละว่าสิงโตก็เปิดประตูรถได้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ซาฟารีแหงหนึ่งในแอฟริกาใต้ ขณะที่นักท่องเที่ยวขับรถชมสิงโตเพลินๆอยู่ จู่ๆสิงโตเจ้ากรรมดันใช้ปากเปิดประตูได้ซะอย่างงั้น งานนี้จะรอดหรือไม่รอดไปดูในคลิปกันเลย โชคดีที่คนถ่ายวีดีโอยังมีพอสติรีบดึงประตูกลับ ไม่อย่างนั้นอาจได้กลายเป็นอาหารสิงโตไปแล้ว ใครที่กำลังจะไปเที่ยวซาฟารีก็ระวังประตูรถกันหน่อยนะจ๊ะ อย่าลืมล๊อคให้เรียบร้อยหละ
อ่านต่อ »งูผสมพันธุ์กันอย่างไร วันนี้เราจะพาไปดูพฤติกรรมการสืบพันธุ์ของงูกัน
งูนั้นเป็นสัตว์ที่หลายๆ คนนั้นเกลียดและกลัวเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ด้วยรูปร่างที่น่าสะพรึงกลัว และด้วยพิษที่ร้ายแรง (งูบางชนิด) ทำให้ใครหลายๆ คนร้องยี้เมื่อพูดถึงมัน แต่วงจรชีวิตของงูนั้นมีอะไรน่าสนใจมากครับ ทั้งนั้นเพราะมันเป็นตัวที่ไม่มีเท้า หรืออวัยวะสืบพันธุ์ให้เห็นกันจะๆ แบบสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม อีกทั้งยังมีพฤติกรรมการสมสู่ที่ดูลึกลับ และไม่ค่อยจะมีใครได้พบเห็นพฤติกรรมแบบนั้นของมันสักเท่าไหร่ ดังนั้นวันนี้เราจะพาท่านไปดูวิธีการสืบพันธุ์ของเจ้าอสรพิษกันครับ งูส่วนใหญ่นั้นมีการใช้ชีวิตที่โดดเดี่ยว มักจะอาศัยและออกหากินตามลำพังมากกว่าอยู่ด้วยกันเป็นฝูง ด้วยความที่งูส่วนใหญ่มีพิษมาก จึงไม่ค่อยมีศัตรูในธรรมชาติมากนักเหมือนสัตว์ชนิดอื่น แต่เมื่อถึงฤดูที่มันต้องวางไข่หรือผสมพันธุ์ งูจะเข้ามารวมกลุ่มกันเพื่อเลือกคู่ผสมพันธุ์ ซึ่งฤดูผสมพันธุ์ที่ว่านี้ไม่ได้แน่นอนเหมือนสัตว์ประเภทอื่น เพราะเจ้างูนี้จะมีความสามารถในการเลื่อนระยะเวลาสืบพันธุ์ออกไปได้เรื่อยๆ เหมือนกับมนุษย์เลยครับ ดังนั้นจะพูดได้ว่ามันจะสืบพันธุ์จริงๆเมื่อถึงตอนที่มันอยากก็คงไม่ผิดนัก เมื่อถึงฤดูที่มันอยากจะผสมพันธุ์ งูจะออกตามหาคู่ที่ตามป่าหรือเขา หรือสถานที่ต่าง ๆ แต่ก็มีบางสายพันธุ์นะครับที่มันอยู่รวมกันเป็นกลุ่มๆ อยู่แล้ว ซึ่งเจ้างูสายพันธุ์ที่ว่านี้ก็จะเลือกจับคู่กันเอง ไม่ออกหาคู่เหมือนงูสายพันธุ์อื่น ซึ่งมักจะพบเห็นงูสายพันธุ์ที่ว่านี้ในถ้ำลึก หรือในป่าโดยทั่วไปแล้วนั้นเมื่อมันพบคู่ของมัน ตัวผู้จะทำการเกี้ยวหรือกอดรัดหรือเกี้ยวตัวพันรอบตัวเมีย และใช้อวัยวะเพศของมันสอดเข้าไปที่อวัยวะเพศของตัวเมียเพื่อปล่อยน้ำเชื้อ โดยอวัยวะเพศของงูนั้นจะอยู่บริเวณโคนหางซึ่งซ่อนอยู่ในเปลือกหรือเกล็ดงู เจ้าอวัยวะเพศนี้ ถ้าไม่สังเกตดีๆหรือเข้าไปดูใกล้ๆนั้น ไม่มีทางมองออกเลยว่า ตัวไหนเป็นตัวผู้หรือตัวเมีย บางสำนักวิจัยที่มีการทดลองหรือศึกษาเกี่ยวกับงูนั้น ต้องบีบหรือจับดูที่โคนหาง จึงจะสามารถมองเห็นอวัยวะส่วนนี้ของงูได้ เมื่องูผสมพันธุ์เสร็จแล้วมักจะแยกย้ายกันออกไป โดยตัวเมียนั้นจะเสาะหาสถานที่วางไข่ โดยมากมักจะเป็นสถานที่ที่มีความอบอุ่นและปลอดภัย โดยหลังจากการวางไข่ประมาณ 3 เดือนไข่ก็จะสามารถฟักออกมาเป็นตัวได้นั่นเอง แม้ว่างูจะเป็นสัตว์ร้ายที่มีหลายๆ คนไม่อยากจะเข้าใกล้ แต่ก็มีคนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับมันน้อยเหลือเกินครับ เชื่อว่าถ้าเดินไปถามใครสักคนว่า อวัยวะเพศของงูอยู่ตรงไหน ก็คงมีน้อยคนนักที่จะรู้เรื่องเหล่านี้
อ่านต่อ »วิธีสังเกต งูเหลือมกับงูหลามต่างกันอย่างไร เทคนิคแยกชนิดงูแบบง่ายๆ
ถ้าให้เอ่ยชื่องูที่ไม่มีพิษ ลำตัวโตใหญ่ยาวขึ้นมาสักชนิด หลายคนคงแย่งกันตอบ ว่างูเหลือมหรือไม่ก็งูหลาม เป็นแน่แท้ ซึ่งถ้าหากถามต่อไปอีกว่า งูเหลือมกับงูหลามมีลักษณะที่ต่างกันอย่างไร ทีนี้ก็จะเริ่มส่ายหน้าเกาหัวกันแล้วใช่ไหมครับ ทั้งนี้ก็เพราะว่าความรู้ทั่วๆ ไปเกี่ยวกับงูสองชนิดนี้มีไม่ค่อยเยอะ ซึ่งส่วนใหญ่ถ้าเป็นเรื่องงู จะเน้นไปที่งูมีพิษ พวกงูเห่า งูจงอางซะมากกว่า ดังนั้นวันนี้เราจะมาบอกเล่ากันครับ ว่างูเหลือมกับงูหลามนั้น แท้ที่จริงแล้วต่างกันหรือไม่ หรือว่าเป็นงูชนิดเดียวกัน 1. ชื่อสามัญและชื่อทางวิทยาศาสตร์ของทั้งเจ้าเหลือมและเจ้าหลามนั้นต่างกัน โดยงูเหลือมนั้นมีชื่อสามัญว่าReticulated Python และชื่อในทางวิทยาศาสตร์คือ Python Reticulatus ส่วนเจ้าหลามนั้นมีชื่อสามัญและชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Indian Python , Python Molurus ตามลำดับ 2. งูหลามนั้นมีลำตัวที่ใหญ่กว่างูเหลือม แต่มีความยาวน้อยกว่า โดยงูหลามนั้นมีความยาวอยู่ที่ 1-3 เมตร ส่วนงูเหลือมนั้นยาว 1-5 เมตร 3. ข้อนี้เป็นวิธีสังเกตที่ง่ายที่สุดครับ เพราะหัวของงูหลามนั้นดูคล้ายหัวลูกศรสีขาว แต่หัวของเจ้าเหลือมจะเป็นหัว ลูกศรเหมือนกันแต่สีจะออกดำ ซึ่งเมื่อจะสังเกตงูประเภทนี้ให้มองที่หัวก่อนเป็นอันดับแรกครับ 4. งูหลามมีนิสัยที่ไม่ดุร้ายเท่างูเหลือม และมักจะออกล่าเหยื่อบนบก ต่างกับเจ้าเหลือมที่ดุร้ายและจะพุ่งเข้าใส่ศัตรูของมันทันที มันสามารถหากินได้ทั้งบนบกและในน้ำ หากพบเห็นงูประเภทนี้ที่หากินอยู่ในน้ำ ให้สันนิษฐานได้เลยว่าเป็นงูเหลือม 5. หากพบเห็นงูประเภทนี้ที่บริเวณภาคใต้ ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นงูเหลือม ทั้งนี้เพราะถิ่นกำเนิดของงูหลามนั้น ไม่ได้อยู่ในบริเวณภาคใต้ แต่จะพบมันได้ในภาคอื่นๆของประเทศไทย …
อ่านต่อ »งูกลัวอะไรมากที่สุด และมีวิธีป้องกันงูไม่ให้เข้าบ้านอย่างไร
บ้านคนที่ส่วนใหญ่จะมีพื้นที่รอบนอกตัวบ้านเป็นสวนหรือทำพื้นที่ทางการเกษตร บางครั้งอาจจะต้องพบเจอกับการมาเยือนของสัตว์มีพิษอย่างเช่นงูครับ ไม่ว่าจะเป็นงูพิษอย่างเช่นงูจงอางหรือว่างูเห่า หรือจะเป็นงูขนาดใหญ่อย่างเช่นงูเหลือมหรืองูหลามก็สามารถเจอได้ทั้งนั้น และหากว่าเราจะหาทางป้องกันนั้น เราก็มีวิธีป้องกันที่น่าจะพอรับมือได้บ้าง ทั้งในแบบเค้าโครงความจริงและตามความเชื่อที่มีมาแต่สมัยก่อนนะครับ ตามปกติแล้วสิ่งที่งูมักจะกลัวมากที่สุดก็คือสิ่งต่างๆ ดังต่อไปนี้ บ้านที่เลี้ยงสุนัข แม้ว่าบางคนอาจจะคิดว่า จะส่งสุนัขไปตายแทนเลยหรือ … จริงๆ แล้ว สุนัขเป็นสัตว์ที่จะไม่ตื่นตูมหรือเคลื่อนไหวหากว่าไม่พบสิ่งแปลกปลอมเข้ามาในบริเวณที่มันนอนเฝ้าอยู่ครับ หากว่ามันเห็นงูเลื้อยเข้ามา มันจะเห่าเสียงดัง ซึ่งสัตว์อย่างงู จะไม่ชอบเสียงดังและมันจะหนีไปเอง แต่กรณีนี้ ใช้ได้กับงูประเภทงูเขียวหรืองูพิษทั่วไป แต่ถ้าเป็นงูหลามหรือเหลือม สุนัขจะเป็นอันตรายซะเอง บ้านที่มีการโรยหรือราดสิ่งของที่มีกลิ่นแรงอย่างเช่นน้ำมันก๊าด น้ำมันเครื่องไว้ในบริเวณรอบๆ บ้าน จะเป็นสิ่งที่ช่วยให้คุณป้องกันการรุกรานจากงูได้ เพราะสัตว์อย่างงูจะเกลียดกลิ่นที่ฉุนและมีกลิ่นแรงๆ สิ่งนี้จะไล่งูได้ครับ แต่หากเป็นวิธีตามความเชื่อ หากเรามีต้นไม้ชนิดที่เป็นตระกูลเดียวกันกับตะบองเพชรอย่าง ต้นพญานาคราช ซึ่งหากดูตามรูปร่างของลำต้น จะมีลักษณะคล้ายกับลำตัวของพญานาค ซึ่งเป็นพญางูตามตำนาน งูที่เห็นว่าบ้านไหนมีต้นพญานาคราชปลูกอยู่ มักจะไม่กล้าเข้าใกล้เลยครับ
อ่านต่อ »