คำว่าบ้านนั้นมีความหมายมากกว่าที่อยู่อาศัย หรือที่นอนพักผ่อนยามเหนื่อยล้า แต่หมายถึงความรักความอบอุ่นของคนในครอบครัวด้วยเช่นเดียวกัน เพราะบ้านนั้นเป็นศูนย์รวมของครอบครัว ทั้งเด็ก หนุ่มสาว และคนชรา ดังนั้นการที่บ้านจะเป็นบ้านได้ จึงต้องมีลักษณะที่น่าอยู่อาศัย สะอาดสะอ้าน รวมไปถึงพฤติกรรมของคนในครอบครัวประกอบร่วมกัน เมื่อองค์ประกอบทั้งหมดนี้มารวมกันอย่างสมบูรณ์ จึงจะสามารถเรียกว่า “บ้าน” ได้อย่างเต็มปาก และสำหรับวิธีการทำให้บ้านมีลักษณะที่น่าอยู่นั้น ทำได้ดังต่อไปนี้ครับ 1. ควรจัดหรือตกแต่งบ้านให้น่าอยู่ เหมาะสำหรับการอยู่อาศัย ไม่รกรุงรัง หรือวางข้าวของทิ้งระเกะระกะ รวมไปถึงต้องจัดบ้านให้สามารถมีแดดส่องถึงได้ เพราะมีการวิจัยบางตัวเคยบอกว่า การที่บ้านมีลักษณะมืดๆทึบๆ นั้นไม่ชวนให้น่าอยู่เท่าไหร่นัก นอกจากนั้นห้องต่างๆ ภายในบ้านควรจัดให้มีความโปร่งสบาย อากาศถ่ายเทได้สะดวก ทำให้ไม่อับจนน่าอึดอัดนั่นเองครับ 2. หมั่นทำความสะอาดบ้านอยู่เสมอ ไม่ควรปล่อยให้สกปรกหรือรกรุงรัง เพราะความสะอาดนั้นมีผลต่อการอยู่อาศัยอย่างมาก ถึงแม้ท่านผู้อ่านก็คงไม่ชอบที่จะอยู่ในบ้านรกๆ ไม่เคยกวาดหรือถูพื้นสักเท่าไหร่หรอกใช่ไหมครับ ตามหลักแล้วเราจึงควรทำความสะอาดด้วยการกวาดบ้านวันละครั้งเป็นอย่างน้อย และหมั่นถูพื้น ปัดหยากไย่อยู่เป็นประจำทุกสัปดาห์ จะช่วยให้บ้านดูน่าอยู่มากขึ้นครับ 3. จัดห้องต่างๆ รวมถึงของใช้เป็นหมวดหมู่อย่างเหมาะสม เช่น ห้องครัวก็จัดตู้หรือชั้นวางต่างๆ สำหรับวางจนและของใช้ในครัว ห้องน้ำ ห้องนั่งเล่นต้องแยกเป็นสัดส่วน นอกจากนั้นหากบ้านของคุณมีเด็ก จะต้องแยกเป็นโซนของเด็กต่างหาก เพราะเด็กนั้นมักจะมีของเล่นต่างๆ มากมาย ดังนั้นการแยกส่วนจะทำให้บ้านดูน่าอยู่และไม่รกหูรกตานั่นเองครับ 4. มีบรรยากาศการอยู่อาศัยที่ดี มีความปรองดองไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน สิ่งเหล่านี้เป็นส่วนสำคัญที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ที่จะช่วยส่งเสริมให้บ้านน่าอยู่ เพราะหากทุกคนในบ้านไม่ดูแลเอาใจใส่กัน หรือต่างคนต่างอยู่ …
อ่านต่อ »Insight Tutor
วิธีดูแลรักษาสุนัขท้องเสีย ในเบื้องต้นเราควรทำอย่างไรบ้าง
สุนัขหรือหมาเป็นทั้งเพื่อนและสัตว์เลี้ยงที่รู้ใจที่สุดสำหรับมนุษย์มาตั้งแต่โบราณ เพราะมนุษย์นิยมเลี้ยงสุนัขไว้ตามบ้านบ้างเพื่อใช้งาน และบ้างเลี้ยงไว้เป็นสัตว์เลี้ยงคลายเหงา ดังนั้นเมื่อเกิดความผิดปกติอะไรขึ้นกับมันเราจึงสามารถสังเกตเห็นได้ดีที่สุด อาการป่วยชนิดหนึ่งที่มักเกิดขึ้นกับสุนัข คืออาการท้องเสีย ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ ดังนั้นวันนี้เราจะมาพูดถึงวิธีการดูแลรักษาสุนัขที่มีอาการท้องเสียเบื้องต้นอย่างถูกวิธีกันค่ะ 1. หากมีอาการอาเจียนแค่ครั้งเดียว และมีอาการท้องเสียถ่ายเหลวเพียงเล็กน้อย แต่ยังสามารถกินอาหารได้และมีอาการร่าเริง ให้ลองสังเกตอาการโดยรวมทั่วไปดูก่อน เพราะหากมีอาการไม่หนักมาก สุนัขอาจจะหายจากอาการนี้ไปได้เอง แต่ต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิดไปสักประมาณ 2-3 วัน 2. ท้องเสียเพราะเปลี่ยนอาหาร หากเพิ่งเปลี่ยนชนิดของอาหารแล้วทำสุนัขเกิดอาการท้องเสีย ให้สงสัยไว้ก่อนว่าอาหารชนิดใหม่คือสาเหตุ อาจเพราะลำไส้ของสุนัขยังไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับอาหารชนิดใหม่ได้ ให้ลองเปลี่ยนไปเป็นอาหารชนิดเดิมดูก่อน ถ้ายังไม่หายต้องรีบนำไปพบสัตวแพทย์ เพื่อวินิจฉัยอาการและรักษากันอย่างถูกวิธีต่อไปค่ะ แต่ถ้าสุนัขท้องเสียเพราะไปคุ้ยกินเศษอาหารถามถังขยะ ให้จัดการเก็บถังขยะหรือปิดให้มิดชิด จากนั้นพาไปพบสัตวแพทย์ค่ะ 3. หากสุนัขมีอาการอาเจียนหลายรอบและมีอาการท้องเสีย อ่อนเพลีย ให้เจ้าของรีบพาไปพบสัตว์แพทย์ทันที เพราะอาการแบบนี้คือมักจะทำให้ร่างกายของสุนัขขาดน้ำ ร่างกายมีการสูญเสียเกลือแร่ แต่ถ้าหากยังไม่สามารถพาไปพบสัตวแพทย์ได้ทันที ให้เจ้าของสังเกตดูว่า หากมีอาการอาเจียนเพียงอย่างเดียวให้ลองงดน้ำหรืออาหารสัก 4-6 ชั่วโมงหรือ 24 ชั่วโมงเลยก็ได้ถ้าพบว่ามีอาการท้องเสียร่วมด้วย แต่ถ้ายังไม่ดีขึ้นให้รีบพาไปพบสัตว์แพทย์โดยด่วนค่ะ ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้เพราะร่างกายของสุนัขจะยิ่งอ่อนแอลงเรื่อยๆ และตายในที่สุดค่ะ 4. เมื่อลองงดน้ำหรืออาหารแล้ว สุนัขไม่มีอาการอาเจียนหรือถ่ายท้องอีก ให้ป้อนน้ำผสมผงเกลือแร่ (Oral rehydration salts หรือ ORS) โดยเริ่มจากปริมาณน้อยๆ ก่อน และป้อนต่อเนื่องเป็นเวลาประมาณ 20-30 นาที (ให้กินทีละนิด …
อ่านต่อ »5 วิธีพิสูจน์หยกแท้-หยกเทียม ลักษณะของหยกที่ดีต้องดูอย่างไร
หยกเป็นแร่ธาตุที่มีราคาสูง และนิยมใช้ทำเป็นเครื่องประดับและข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ เช่น กำไร แหวน หรือแม้พระพุทธรูปนั้นก็มีไม่น้อยที่สร้างจากหยก ความที่มันเป็นแร่ที่หายากและราคาแพงนี้เอง จึงมีผู้คิดค้นการทำเลียนแบบขึ้นจากวัสดุต่างๆ ซึ่งด้วยเทคโนโลยีปัจจุบันนี้ก็ช่วยให้มิจฉาชีพพวกนี้สามารถทำหยกปลอมได้ง่ายขึ้น แต่การจะสังเกตว่าอันไหนเป็นหยกปลอมหรือหยกแท้นั้น ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีทางเอาเสียเลย เพียงแต่ต้องอาศัยไหวพริบและความเคยชินกันสักหน่อยครับ วิธีทดสอบหยกแท้-หยกเทียม เคาะหยกเพื่อฟังเสียง นำหยกมาเคาะกันดู หากเป็นหยกแท้นั้นจะมีเสียงดังกังวานเสนาะหู แต่ถ้าเป็นหยกปลอมนั้นจะออกเสียงทึบๆ ไม่ใสเท่าที่ควร ข้อแนะนำสำหรับวิธีนี้คือ ไม่ควรเคาะแรงจนเกินไป เพราะอาจทำให้เนื้อหยกนั้นแตกหรือบิ่นได้ รู้สึกเย็นเมื่อสัมผัส ธรรมชาติของหยกนั้นมักจะมีเนื้อสัมผัสที่เย็น ดังนั้นเมื่อต้องการพิสูจน์ว่าเป็นหยกแท้หรือไม่ ควรนำมาวางไว้ในมือหรือกำไว้สักครู่ หากเนื้อหยกมีสัมผัสที่ไม่เย็น ให้ตีไว้ก่อนว่าเป็นของปลอม แต่วิธีนี้ก็ไม่แม่นยำเท่าไหร่นัก เพราะหยกก็คือหิน ที่สามารถเก็บความเย็นจากอุณหภูมิรอบตัวได้เท่านั้นเอง ใช้แสงไฟพิสูจน์ ให้นำหยกขึ้นส่องดูกับไฟ ซึ่งโดยธรรมชาติเนื้อหยกจะดูใสและสามารถส่องผ่านทะลุโดยแสงไฟได้ แต่ของปลอมส่วนมากนั้นเนื้อจะทึบ ไฟที่ส่องผ่านนั้น ไม่สามารถทะลุได้ แต่ในสมัยนี้มีกรรมวิธีการปลอมแปลงที่เหนือชั้นมากขึ้น หยกปลอมบางชิ้นอาจจะมีลักษณะโปร่งแสง ให้ดูด้วยการใช้กล้องส่องพลอยจะสามารถมองเห็นเนื้อหยกได้ชัดมาก และเปรียบเทียบได้ง่ายขึ้น ทดสอบกับกระจก นำหยกไปขูดกับกระจก ทั้งนี้เนื้อหยกนั้นจะมีลักษณะแข็งมาก ให้ทดลองดูว่านำไปขูดกับกระจกแล้วจะเป็นรอยหรือไม่ ถ้าเป็นแสดงว่าหยกแท้ แต่ถ้าไม่มีรอยหรือเกิดรอยไม่สม่ำเสมอนั้น ให้ตีความว่าเป็นหยกปลอมได้เลย แต่ข้อควรระวัง ไม่ควรขูดแรงจนเกินไป เพราะกระจกจะแตกได้ ทดสอบกับเส้นผม นำเส้นผมมาพันกับหยก แล้วจุดไฟลนที่หยก วิธีนี้ฮิตกันมากครับ เพราะสามารถทำได้ง่ายและร้านขายหยกส่วนใหญ่นั้นยอมให้ทดลองด้วยวิธีนี้ได้ ซึ่งถ้าลนไฟแล้วหยกร้อนขึ้น แต่เส้นผมไม่เป็นอะไร นี่คือหยกแท้ แต่ถ้าเส้นผมเกินไหม้ให้ตีความว่าหยกปลอมได้เลย ทั้งนี้วิธีการที่จะดูหยกแท้หรือปลอมนั้น …
อ่านต่อ »5 เคล็ดลับ วิธีดูพระแท้ ไม่แท้ ปลอม ไม่ปลอม หลักการเบื้องต้นสำหรับมือใหม่
พระเครื่องนั้น ถือเป็นสินค้าประเภทพุทธพาณิชย์ที่มีมูลค่าสูง และประเทศไทยเรานั้นมีตลาดค้าพระเครื่องที่ใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งเมื่อเป็นสินค้าที่มีมูลค่าสูง จึงมักมีคนทำพระปลอมเลียนแบบออกมาขายมากมาย และวิธีการดูพระแท้นั้น ไม่มีทฤษฎีไหนที่ได้ผลแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ซะด้วยครับ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่ยุ่งยากอยู่เหมือนกันสำหรับการจะซื้อพระแต่ละครั้ง แต่ก็พอมีคำแนะนำที่รวบรวมจากเซียนพระหลายๆ คนมาบอกกล่าวกันครับ 1. ศึกษาประวัติศาสตร์ต่างๆ ของการสร้างพระองค์นั้นๆ อย่างดี เช่น สร้างขึ้นเมื่อไหร่ โดยใคร เป็นเนื้อแบบไหน สร้างกี่องค์ มีจุดเด่นหรือจุดตำหนิอะไรบ้าง วิธีนี้เป็นวิธีที่ได้ผลมากที่สุด เพราะพระปลอมนั้นมักจะทำออกมาได้ไม่เหมือนพระจริง 100 เปอร์เซ็นต์หรอกครับ ต้องมีจุดที่แตกต่างให้สามารถดูออกหรือจับผิดกันทั้งนั้น ยิ่งเป็นคนที่รู้ประวัติของพระองค์นั้นๆ มาแล้วเป็นอย่างดี ยิ่งไม่มีทางหลอกย้อมแมวขายได้ 2. เทียบดูกับพระองค์จริง วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีพระองค์จริงอยู่ในครอบครอง เพราะสามารถหยิบมาเปรียบเทียบกันได้โดยตรง ว่ามีส่วนไหนที่แตกต่างกันออกไปบ้าง หรือหากใครที่ไม่มีองค์พระจริงให้เทียบดูได้ แนะนำให้ดูจากภาพถ่ายตามนิตยสารพระครับ เพราะจะมีการซูมถ่ายให้เห็นกันทุกซอกทุกมุมเลยทีเดียว 3. สอบถามข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญ หรือเซียนพระ ซึ่งคนพวกนี้มันจะมีข้อมูล หรือกลเม็ดเคล็ดลับอะไรที่เราไม่ค่อยรู้ หรือไม่เคยรู้ ดังนั้นการขอข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญ ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งในการดูพระครับ 4. ต้องเตือนตัวเองอยู่เสมอว่า พระแท้นั้นมักไม่ค่อยมีราคาถูกนัก โดยเฉพาะพระดังๆ อย่างเช่น พระสมเด็จ พระนางพญา พระผงสุพรรณ ซึ่งปกติดแล้วพระเหล่านี้มักมีราคาสูงมาก เมื่อท่านพบเห็นพระประเภทนี้ปล่อยให้เช่า แต่ราคาถูกมาก ให้คิดไว้ก่อนเลยว่าอาจเป็นพระปลอม ทางที่ดีให้ตรวจดูรายละเอียด เนื้อพระ ปีที่สร้าง …
อ่านต่อ »ข้อแนะนำเมื่อทำแผ่นป้ายทะเบียนรถหาย ต้องทําอย่างไรก่อนเป็นอันดับแรก
ป้ายทะเบียนรถ ถือว่าเป็นส่วนที่สำคัญสำหรับผู้ขับขี่รถทุกประเภทก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ รถมอเตอร์ไซต์ เพราะเจ้าป้ายทะเบียนนี้คือตัวที่บอกว่าใครเป็นเจ้าของรถ ทะเบียนรถนี้ปกติมักจะติดอยู่กับตัวรถ แต่ก็มีบ้างเหมือนกันที่มันหลุดหายไป ซึ่งก็เป็นได้จากหลายๆ สาเหตุ เช่น อุบัติเหตุทำให้ป้ายหลุด หรือตัวยึดป้ายนั้นเกิดสนิมและทำให้ตัวป้ายหลุดออกไปเอง (กรณีนี้พบเยอะมากเมื่อเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ปี 2554) และหลายคนอาจจะสงสัยว่า เมื่อทะเบียนรถของเราหายไปแล้ว จะสามารถทำอย่างไรได้บ้าง วันนี้เรามีข้อแนะนำมาฝากกันครับ 1. มองหาดูรอบๆ ก่อน เป็นวิธีการแรกที่แนะนำ เพราะเจ้าป้ายที่ว่านี้เมื่อมันหลุดออกมันคงไม่ลอยหายไปไหนไกลๆ แน่ (ยกเว้นกรณีที่เจ้าของไม่รู้ว่ามันหลุดหายและขับรถออกมาจากบริเวณนั้น) ดังนั้นให้ลองมองหาดูรอบๆ บริเวณก่อน เผื่อว่ามันจะหลุดหล่น หรือตกอยู่บริเวณนั้น 2. แจ้งความ หากหาไม่เจอจริงๆ ให้รีบไปที่โรงพักใกล้บ้านแล้วแจ้งความเป็นบันทึกประจำวันเอาไว้ แนะนำว่าอย่าลืมนำเอาเอกสารประจำตัวต่างๆ ของคุณติดตัวไปด้วยและที่สำคัญห้ามลืม กท. รถของตนเป็นอันขาด เพราะเจ้าหน้าที่จะได้รู้ว่าตัวอักษรและเลขทะเบียนรถของคุณนั้นเป็นตัวอะไร และเมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนกระบวนการแจ้งความแล้ว ต้องเสียค่าแจ้งความ 20 บาทเท่านั้น 3. เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการแจ้งความแล้ว ให้เข้าสู่กระบวนการขอป้ายใหม่ภายในเวลาไม่เกิน 15 วันนับแต่แจ้งความ ซึ่งการขอป้ายใหม่นี้สามารถแบ่งออกได้เป็นสองแบบดังต่อไปนี้ – หากเป็นรถที่ยังผ่อนอยู่นั้น เจ้าของรถที่แท้จริงคือไฟแนนซ์ ให้เรารีบติดต่อไปยังไฟแนนซ์ของเราโดยทันที เพื่อแจ้งให้เจ้าหน้าที่ของไฟแนนซ์รับทราบว่าป้ายทะเบียนรถหาย จากนั้นเจ้าหน้าที่ของไฟแนนซ์จะดำเนินเรื่องทั้งหมดให้ แต่ต้องมีค่าใช้จ่ายตามที่ไฟแนนซ์กำหนด ซึ่งส่วนนี้สามารถสอบถามได้โดยตรงกับไฟแนนซ์ครับ – หากเป็นรถที่ผ่อนหมดแล้ว หรืออีกนัยหนึ่งนั้นรถเป็นของคุณโดยสมบูรณ์ ให้ติดต่อไปที่ขนส่งจังหวัดที่เราใช้ป้ายทะเบียนนั้นๆ …
อ่านต่อ »